องคมนตรี ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่สูงฯบ้านห้วยน้ำเย็น จ.ตาก
องคมนตรี ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงบ้านห้วยน้ำเย็น จ.ตาก ขับเคลื่อนบูรณาการเชิงพื้นที่
(25 มค.68) นายพลากร สุวรรณรัตน์ องคมนตรี พร้อมคณะฯ เดินทางตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงบ้านห้วยน้ำเย็น ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ภายใต้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ และโครงการอนุรักษ์สภาพป่าแม่ตื่นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถานีสหัส บุญญาวิวัฒน์ 1 (บ้านห้วยน้ำเย็น) โดยมี นายเดชธพล กล่อมจอหอ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงกลุ่ม 4 (ลุ่มน้ำสาละวิน) สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) นายวุฒิฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง คณะเจ้าหน้าที่ สวพส. หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ณ บ้านห้วยน้ำเย็น ม.1 ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
นายเดชธพล กล่อมจอหอ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงกลุ่ม 4 (ลุ่มน้ำสาละวิน) ได้นำเสนอรูปแบบการพัฒนาของ สวพส. “พัฒนาแหล่งน้ำ ปรับระบบเกษตร ลดการเผาและฝุ่นควัน” ขับเคลื่อนการบูรณาการเชิงพื้นที่ร่วมกับชุมชนและหน่วยงาน ลดการเผาและฝุ่นควัน PM 2.5 เป้าหมายลดจุดความร้อนสะสม (Hotspot) ในพื้นที่ทำการเกษตรให้เกิดน้อยที่สุด และเป็นพื้นที่ปลอดการเผาในระยะยาว โดยใช้กลไกของการจัดการเศษวัสดุการเกษตรทดแทนการเผาที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ลดพื้นที่การปลูกข้าวโพด โดยการส่งเสริมปรับระบบการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำเกษตรที่เหมาะสมกับแผนการใช้ที่ดิน สนับสนุนการพัฒนาแหล่งน้ำ วางแผนการปลูกพืชระยะยาว เช่น ส่งเสริมปลูกไม้ผล และกาแฟ การวางแผนปลูกพืชระยะสั้น เช่น การปลูกถั่วเพื่อปรับสภาพฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน พริก และพืชผักในโรงเรือน ปี 2567 มีพื้นที่เกษตรปลอดการเผาถาวร 234 แปลง 2,634 ไร่ คิดเป็น 53% ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมดของบ้านห้วยน้ำเย็น สามารถลดจุดความร้อนสะสม (Hotspot) จาก 20 จุด (ปี2563) เหลือ 11 จุด (ปี2567) รวมถึงการเพิ่มกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน กลุ่มเครือข่ายเยาวชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยการปลูกเสริมป่าเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งสามารถอยู่ร่วมกับป่า เกื้อกูลกันอย่างยั่งยืน
จากนั้น องคมนตรี เข้าเยี่ยมชมแปลงตัวอย่างการปรับระบบเกษตรของนายชัย ชนะมงคลกุล พื้นที่ 7 ไร่ ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะ และอะโวคาโดร่วมกับระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เป็นพืชระยะยาว บริเวณพื้นที่ว่างปลูกขมิ้น ภายในโรงเรือนปลูกพืชสลับกัน (บัตเตอร์นัท เมล่อน และผักกาดขาว) เป็นรายได้รายเดือนตลอดปี และปลูกพืชผักนอกโรงเรือน (กวางตุ้ง ผักกาดดอย ฯลฯ) จำหน่ายในชุมชนเป็นรายได้รายวัน ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้กว่า 100,000 บาทต่อปี แต่พื้นที่มีข้อจำกัดเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ และถนนทางเข้าหมู่บ้านเป็นถนนลูกรัง ทำให้ผลผลิตเสียหายระหว่างขนส่ง และการติดต่อสื่อสารยากลำบาก เป็นข้อจำกัดในการตลาดอย่างมาก ทั้งนี้องคมนตรีได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขเรื่องสัญญาณโทรศัพท์และถนนตามความเหมาะสมของบริบทพื้นที่ต่อไป
