สวพส. สทป. สวก. ร่วมแก้ปัญหาขนส่งพื้นที่ห่างไกลด้วยโดรนเกษตร

อ่าน: 626 ครั้ง

สทป. จับมือ สวก. และ สวพส. ลงนาม MOU ยกระดับการขนส่งสินค้าเกษตรไทย
หนุนผลงานวิจัยแก้ปัญหาต้นทุนการขนส่งพื้นที่ห่างไกลด้วยการใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) โดย นาวาอากาศเอกคมสันต์ ประพันธ์กาญจน์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) โดยดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) โดยนายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ณ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยการลงนามครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลเอกพอพล มณีรินทร์  ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และนายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร และ ประธานสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ได้ให้เกียรติเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามและแสดงความยินดีที่ทั้ง 3 หน่วยงานจะได้ร่วมกันพัฒนาในเทคโนโลยีและผลงานวิจัยที่สามารถนำไประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาและก่อให้เกิดประโยชน์ของประเทศ

พลเอกพอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ความร่วมมือของทุกฝ่ายในวันนี้จะเป็นไปประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ตลอดจนเป็นประโยชน์ในด้านการสร้างเสริม
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน รวมถึง การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศสู่การต่อยอดการใช้ประโยชน์

นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร และ ประธานสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของภาคการเกษตรของประเทศ คือ ปัญหาด้านการตลาดและโลจิสติกส์ เนื่องจากการขนส่งสินค้าการเกษตรในบางพื้นที่ ๆ มีข้อจำกัดและยากต่อการเดินทาง ทำให้ต้นทุนในด้านการขนส่งสูง

ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการบูรณการองค์ความรู้ รวมถึงบทบาทและหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อร่วมกันศึกษา วิจัย และคิดค้นนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่เพื่อแก้ปัญหาด้านการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สูง ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดการใช้ประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์และเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะต่อไป

นาวาอากาศเอกคมสันต์ ประพันธ์กาญจน์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความมือจากทั้ง 3 หน่วยงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ด้านการเกษตรอย่างยั่งยืนด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีระบบ อากาศยานไร้คนขับสำหรับกิจกรรมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ภายใต้แนวคิดเทคโนโลยีสองทาง (Dual-Use Technology) สำหรับภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านการเกษตรและพลเรือน โดยมุ่งเน้นการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งเศษวัสดุทางการเกษตรหลังจากบดอัดแล้วเพื่อขนส่งไปที่โรงงานซึ่งเน้นพื้นที่ทุรกันดารหรือเข้าถึงยาก ตลอดจนการให้การศึกษา วิจัยและพัฒนา การฝึกอบรมการใช้งาน การปรนนิบัติบำรุงและการซ่อมบำรุงอากาศยานไร้คนขับ กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility) ของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการพัฒนางานด้านอากาศยานไร้คนขับ สำหรับการให้บริการด้านการขนส่ง ปัจจัยการผลิต อุปกรณ์ เครื่องมือและผลผลิตที่เกี่ยวข้องกับด้านการเกษตร และร่วมกันสนับสนุนผลักดันให้เกิดการนำผลงานไปสู่การต่อยอดการใช้ประโยชน์และแก้ปัญหาให้แก่ภาคการเกษตรของประเทศ

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)  (สวก.) ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทุนวิจัยด้านการเกษตรตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกองทุนส่งเสริม ววน. การสนับสนุนทุนวิจัยโดรนด้านการเกษตรนี้ จะเป็นการผลิกโฉมการพัฒนาโดรนให้เป็นโดรนอเนกประสงค์ นอกเหนือจากการพ่นยา ปุ๋ยเคมี การสำรวจ ยังถูกคิดค้นและพัฒนาให้สามารถส่งผลผลิตเกษตรจากพื้นที่การขนส่งที่เข้าถึงได้ยาก ได้คราวละมากๆ รวมถึงเป็นการบินสำรวจพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่จะช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังพัฒนาขีดความสามารถในการสำรวจพื้นที่แปลงเกษตรประกอบการทำข้อมูลระดับพื้นที่ เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับวางแนวทางพัฒนาแปลงเกษตร ทั้งนี้ ในอนาคตคาดว่าผลงานวิจัยดังกล่าวนี้จะได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อร่วมต่อยอดและยกระดับการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนบนพื้นที่สูง และสอดคล้องกับแนวคิดทำน้อยได้มาก ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงจากพื้นที่สูงมาสู่ผู้บริโภคโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การลงนามในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทย ในการร่วมยกระดับอุตสาหกรรมภาคการเกษตรฯ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และส่งเสริมการเติบโตและต่อยอดในภาคธุรกิจ ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการและพัฒนาบุคลากรของทั้ง 3 องค์กรไปพร้อมๆ กัน ซึ่งล้วนแต่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทยต่อไป

 

3 กุมภาพันธ์ 2567

ข่าวสาร / กิจกรรม สวพส. ล่าสุด