การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก สร้างป่า สร้างรายได้ ลดหมอกควัน

อ่าน: 1,062 ครั้ง

สวพส. พัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก สร้างป่า สร้างรายได้ ลดหมอกควัน แก้จนคนบนพื้นที่สูง

          สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาหมอกควัน และนำองค์ความรู้งานวิจัยและพัฒนาโครงการหลวง เข้าไปส่งเสริมเพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง ภายใต้แนวคิดการจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม คำนึงถึงการดำเนินงานการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างรวดเร็ว เร่งด่วน ทันท่วงที ใช้งานได้จริง และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนสูงสุด

          นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำของชุมชนบนพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน สวพส. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งขึ้น ทำให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำสำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภค และใช้ในการทำเกษตร มีความมั่นคงทางอาหาร มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

          การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของชุมชน ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต เมื่อชุมชนมีน้ำ ย่อมก่อให้เกิดการต่อยอดการพัฒนาได้อย่างมีประโยชน์สูงสุดครบทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมจากชุมชนและหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน และชุมชน ในการพัฒนาบริการมีการกระจายการพัฒนาที่ทั่วถึงในพื้นที่ดำเนินงานของ สวพส. และเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละด้าน ดังนี้

          1) พัฒนาน้ำ ชุมชนมีส่วนร่วมดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ 12,225 ราย 359 ชุมชน ทำให้มีแหล่งน้ำ 523 แห่ง เป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ 42 แห่ง และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 481 แห่ง มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด มีการแบ่งปันการใช้น้ำอย่างเป็นธรรมทั่วถึงเท่าเทียม และลดความขัดแย้ง รวมทั้งมีการสร้างภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานร่วมกันทุกภาคส่วน อีกทั้งความต้องการในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งอีก ปี พ.ศ.2566 ยังคงมีความต้องการอีก 60 ชุมชน 120 แห่ง

          2) แก้จนคนบนพื้นที่สูง พัฒนาต่อยอดด้านเศรษฐกิจ ชุมชนมีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร 481 แห่ง ทำให้ชุมชนมีโอกาสและทางเลือกในการประกอบอาชีพที่จากเดิมต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก รวมทั้งพัฒนาคุณภาพและผลผลิตพืชส่งเสริมเดิม มีการพัฒนาอาชีพที่หลากหลาย สร้างรายได้ที่พอเพียง มีความมั่นคงด้านอาหาร กระจายการพัฒนา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการปรับระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลูกพืชทางเลือกจากงานวิจัยทดแทนการปลูกพืชเดิมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พืชผักในและนอกโรงเรือน เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน หน่อไม้ฝรั่ง เมล่อน ผักใบ องุ่น เสาวรส อะโวกาโด พีช ไม้ผล และไม้ยืนต้น เป็นต้น ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาวตลอดทั้งปี โดยปลูกพืชแบบประณีต ใช้พื้นที่น้อยรายได้สูง ใช้น้ำน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ ลดใช้สารเคมี ลดการเผาเศษพืช เพาะปลูกในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ตามแผนการใช้ที่ดิน ผู้ได้รับประโยชน์ 12,225 ราย พื้นที่รับประโยชน์ 32,653 ไร่ สร้างรายได้ที่พอเพียงต่อการดำรงชีวิตและครอบครัว โดยพืชที่ปลูกมีการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย (GAP) และอินทรีย์ โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินชุมชนบนพื้นที่สูงหลังจากการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ดังนี้

          3) ฟื้นฟูป่า ชุมชนมีส่วนร่วมในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งแยกพื้นที่ป่าและที่ทำกิน ป้องกันการบุกรุกป่า 440 ชุมชน อนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร 1,104,038 ไร่ โดยการจัดทำแนวกันไฟ ลาดตระเวนป้องกันไฟป่า จัดทำฝายชะลอน้ำ 79 แห่ง ปลูกเพื่อฟื้นฟูเพิ่มความหลากหลายของระบบนิเวศต้นน้ำและเพิ่มพื้นที่สีเขียว 18,284 ไร่ ทำให้ชุมชนมีแหล่งน้ำใช้อย่างพอเพียง มีอัตราการเกิดจุด Hotspot ในพื้นที่น้อยกว่าพื้นที่ไม่ได้รับการพัฒนา คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

3 กุมภาพันธ์ 2566

ข่าวสาร / กิจกรรม สวพส. ล่าสุด